เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ทำถึง! เปิดให้ลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ Exotic ในคอนโดได้เป็นเจ้าแรกในไทย

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ทำถึง! เปิดให้ลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ Exotic ในคอนโดได้เป็นเจ้าแรกในไทย

LivingInsider Report

15 มี.ค. 2567


เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำตัวจริงที่อยู่อาศัยเลี้ยงสัตว์ได้ทุกโครงการ เปิด MAJOR Pet Family Residences : Exotic Pet แบรนด์แรกและครั้งแรกของไทยที่อนุญาตให้เลี้ยง “สัตว์เลี้ยงทางเลือก” ได้อย่างเป็นทางการ นำร่องโครงการแรก “เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว” เซตมาตรฐานการก่อสร้างแบบครบวงจร ทั้งดีไซน์ห้องชุดและส่วนกลางเพื่อสัตว์เลี้ยงทางเลือก พร้อมผนึกรพ.สัตว์ทองหล่อ ให้บริการและดูแลสัตว์เลี้ยงทุกประเภท 

 

คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวว่า เทรนด์การเลี้ยงสัตว์ในช่วง 2-3 ปี มีการเปลี่ยนแปลงและเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก จากข้อมูลของ TGM Research พบว่าคนทั่วโลกกว่า 58% นิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัว โดยเลี้ยงเพียง 1 ตัว คิดเป็น 46% แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ประเทศไทยมีอัตราเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสูงกว่าค่าเฉลี่ยเทียบเป็น 73% และนิยมเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเพียง 1 ตัวต่อครอบครัวเฉลี่ย 45% แต่กลับพบกว่าคนไทยนิยมเลี้ยงสัตว์ 2 ตัวต่อครอบครัวสูงถึง 23% และ 4 ตัวขึ้นถึง 24%

 

เห็นได้ชัดว่า ประเทศไทยมีสัดส่วนคนเลี้ยงสัตว์ที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับทั่วโลก ทั้งในค่านิยมและปริมาณต่อครอบครัว ที่ผ่านมาเราได้ประกาศความตั้งใจที่มุ่งมั่นเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง โดยสร้างมาตรฐานใหม่ MAJOR Pet Family Residences เป็นแบรนด์แรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ ทำให้ได้รับการตอบรับจากลูกบ้าน ทั้งในส่วนของกลุ่มลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ และลูกบ้านที่ไม่ได้เลี้ยง ซึ่งพบว่าสัดส่วนของลูกบ้านที่เลี้ยงสัตว์นั้น มีจำนวนที่มากขึ้นกว่าปี 2022 เป็น 45% และในจำนวนดังกล่าวเป็นสัตว์เลี้ยงทางเลือก ที่ปรากฏเข้ามา

 

ทางเมเจอร์ฯ จึงได้เล็งเห็นถึงความนิยมที่ขยายตัวของลูกบ้าน สอดคล้องกับเทรนด์การเลือกเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทางเลือกของคนไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เราจึงพร้อมที่จะขยายขอบเขตครอบครัวเพื่อต้อนรับสมาชิกใหม่ สู่ “MAJOR Pet Family Residences : Exotic Pet” โดยนับว่าเราเป็นแบรนด์แรกและครั้งแรกของไทยที่อนุญาตให้เลี้ยง “สัตว์เลี้ยงทางเลือก” ได้อย่างเป็นทางการ

 

พร้อมทั้งขยายขอบเขตการดำเนินการทั้งในส่วนการก่อสร้างโครงการ กิจกรรมลูกบ้าน รวมทั้งการบริการและการดูแลแบบครบวงจร เริ่มต้นในด้านการก่อสร้าง และการดีไซน์ฟังก์ชันของห้องชุดและพื้นที่ส่วนกลาง ตัวอย่างโครงการ เมทริส ดิสทริค ลาดพร้าว (METRIS District Ladprao) ที่ออกแบบโดยเน้นเรื่อง Craft & Quality ควบคู่กับฟังก์ชัน Pet-Friendly ภายใต้การคำนึงถึงคุณภาพชีวิตและสุขลักษณะที่ดีของสัตว์เลี้ยงเป็นสำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Multi-Pet Playroom พื้นที่พิเศษสำหรับสัตว์เลี้ยงทางเลือกที่แยกส่วนอย่างชัดเจน

 

โดยได้รับความร่วมมือจากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ มาร่วมเป็นที่ปรึกษาให้ความรู้ เพื่อให้แบรนด์เข้าใจธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงกลุ่มนี้มากขึ้น ขณะเดียวกันเราได้เตรียมดีไซน์ฟังก์ชัน เพื่อรองรับพฤติกรรมต่าง ๆ ของสัตว์เลี้ยงทางเลือกได้อย่างเหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะนำความสำเร็จของ Multi-Pet Playroom ขยายสู่โครงการอื่น ๆ ภายใต้การพัฒนา
ของแบรนด์ในอนาคตมากยิ่งขึ้น  

 

 

ด้านข้อกำหนดและกิจกรรมต่าง ๆ ได้ขยายขอบเขตของ Petscape เพื่อตอบรับกลุ่มสัตว์เลี้ยงทางเลือก โดยแบ่งออกเป็นหมวด อาทิ ประเภทของสัตว์เลี้ยง การลงทะเบียนสมาชิก พื้นที่ใช้สอย การดูแลรักษา เป็นต้น เพื่อกำหนดเเนวทางการใช้ชีวิตร่วมกันระหว่างสัตว์เลี้ยงทางเลือกกับลูกบ้านที่เลี้ยงสัตว์อื่น ๆ และลูกบ้านที่ไม่ได้เลี้ยงสัตว์ได้อย่างสมดุลและลงตัวที่สุด รวมทั้งเตรียมขยายกิจกรรมสีสันความสนุกและสิทธิประโยชน์ความพิเศษที่มีให้กับลูกบ้านและสัตว์เลี้ยงทางเลือกโดยเฉพาะ 

 

นอกจากนี้ อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การบริการและการดูแลสัตว์เลี้ยง ซึ่งทางเมเจอร์ฯ มีโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ
เป็นพันธมิตรมาอย่างยาวนาน ซึ่งช่วยซัพพอร์ตในการบริการและดูแลสัตว์เลี้ยงทุกประเภทให้กับลูกบ้านเมเจอร์ฯ มาโดยตลอด และในครั้งนี้ยังได้ขยายความเชี่ยวชาญมายังกลุ่มใหม่อย่างสัตว์เลี้ยงทางเลือก

 

ด้าน สพ.ญ.กฤติกา ชัยสุพัฒนากุล ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ กล่าวว่า นับเป็นความตั้งใจของโรงพยาบาลที่ต้องการรองรับและให้บริการการดูแลรักษาสัตว์ทุกประเภทให้มีสุขภาวะและสุขอนามัยที่ดี เพราะเราเชื่อมั่นว่าคนที่เลี้ยงสัตว์มองว่าสัตว์เลี้ยงเหล่านั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัว โดยครั้งนี้นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่ดีที่เราได้ขยายขอบเขตความร่วมมือในการดูแลรักษาสัตว์เลี้ยงให้ลูกบ้านเมเจอร์ฯ มากยิ่งขึ้น

 

ล่าสุด เราได้เปิดศูนย์ดูแลสัตว์เลี้ยงพิเศษ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ โรงพยาบาลสัตว์อันดับ 1 ของประเทศไทย และโรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการรักษาสัตว์เลี้ยงทางเลือก (Exotic pet) โดยสาขาแรกที่โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ สาขาพระราม 9 ซึ่งเป็นศูนย์ส่งต่อสัตว์ป่วย (Referral center) ที่ใหญ่ที่สุด โดดเด่นทั้งในด้านการบริการดูแลและรักษาด้วยเครื่องมือในการวินิจฉัยโรคที่ครบครัน อาทิ เครื่อง MRI และ CT Scan เป็นต้น 

 

ทางด้าน น.สพ.เชาวพันธ์ ยินหาญมิ่งมงคล ผู้อำนวยการ โรงพยาบาลสัตว์แอนิมอลสเปซ กล่าวว่า ด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของสัตวแพทย์และบุคลากรที่ให้การดูแลและบริการด้านสัตว์เลี้ยงทางเลือกโดยเฉพาะ อาทิ กระต่าย กระรอก หนูเควี่ ชินชิล่า เป็นต้น ทำให้เจ้าของสามารถอุ่นใจได้ว่าสัตว์เลี้ยงทางเลือกจะได้รับการดูแลวินิจฉัยและรักษาอย่างดีที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญก่อนการเริ่มต้นเลี้ยงสัตว์เลี้ยงทางเลือก คือ เจ้าของต้องศึกษาวิธีการเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงทางเลือกอย่างเหมาะสม ทั้งในด้านของอาหารการกิน และสถานที่อยู่อาศัยที่เหมาะสมกับแต่ละประเภท และสุดท้าย คือ ความรับผิดชอบและความรัก ที่มีต่อสัตว์ที่เลี้ยงไม่ว่าประเภทใดก็ตาม

 

คุณเพชรลดา กล่าวสรุปว่า “การขยายขอบเขตครอบครัว MAJOR Pet Family Residences : Exotic Pet พร้อมทั้ง
ความมุ่งมั่นในการร่วมมือครั้งสำคัญของ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ No.1 Pet Family Residences และ โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ No.1 Pet Hospital จะเป็นการสะท้อนภาพความตั้งใจของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ว่าเราให้ความสำคัญและใส่ใจในอินไซต์ของผู้บริโภคอยู่เสมอ

 

และต่อจากนี้เราขอสัญญาว่าเราจะยังเน้นย้ำและพัฒนาโครงการภายใต้การผนวกกลยุทธ์ Lifescape และ Petscape และมาตรฐานของ Craft & Quality เข้าไปกับ Pet-friendly function และสัญญา ว่าจะคิดถึงความสุขของคุณและน้อง ๆ เพื่อดูแลครอบครัวนี้อย่างดีที่สุดตลอดไป”

บทความแนะนำ

SC เผยปี 66 รายได้รวม 24,737 ล้านบาท โต 14% พร้อมเปิด 2 โครงการหรูนิวซีรีส์ มูลค่ารวม 4,750 ล้านบาท 16-17 มี.ค.นี้

นายอรรถพล สฤษฎิพันธาวาทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ด้านสนับสนุนองค์กร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC ผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์คุณภาพสูง และมีนวัตกรรม เปิดเผยว่า “ผลประกอบการปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ทำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ จากการดำเนินงานตามแผนยุทธศาสตร์ Thriving Beyond มุ่งมั่นในการส่งมอบสินค้าและบริการคุณภาพมาตรฐานสูง เพื่อลูกค้าทุกคน จนได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้า” สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ มีรายได้รวม 24,737 ล้านบาท เติบโต +14% (YoY) นิวไฮ เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีรายได้ 21,583 ล้านบาท จากการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ โดยการเติบโตหลักมาจากรายได้จากการขายซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ แบ่งเป็น แนวราบ 17,666 ล้านบาท เติบโต 1% (YoY) แนวสูง 5,707 ล้านบาท เติบโต 76% (YoY) มีกำไรสุทธิ 2,482 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 3% (YoY) คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ (%) 10.1% ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมมูลค่า 14,230 ล้านบาท คาดว่า 50% จะทยอยโอนให้ลูกค้าและรับรู้รายได้ในปี 2567 ส่วนที่เหลืออีก 50% จะทยอยรับรู้รายได้ในปีถัดไป ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 มีสินทรัพย์รวม 63,888 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 23,252 ล้านบาท โดย มติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผล 0.24 บาท/หุ้น* คิดเป็นอัตราส่วนจ่ายปันผลที่ 44.35 % และ กำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 21 พฤษภาคม 2567 โดยในเดือนมีนาคม 2567 วันที่ 16-17 นี้ บริษัทฯ พร้อมเปิดจอง 2 โครงการหรูนิวซีรีส์ มูลค่ารวม 4,750 ล้านบาท ได้แก่ 1.โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด บางนา-กม.15 (Grand Bangkok Boulevard Bangna km.15) มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท คฤหาสน์หรู 2 ชั้น 3 แบบบ้าน New Series บนเนื้อที่กว่า 35 ไร่ จำนวน 73 ยูนิต พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 432-584 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 30-50 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพติดถนนใหญ่บางนา-ตราด เข้าออกโครงการสะดวก เข้าสู่กลางเมืองด้วย ทางพิเศษบูรพาวิถี ที่เชื่อมต่อไปยังทางพิเศษเฉลิมมหานคร และใกล้วงแหวนกาญจนาเชื่อมต่อเส้นทางได้หลากหลาย 2. โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด ซิกเนเจอร์ บางแค (Bangkok Boulevard Signature Bangkhae) มูลค่าโครงการ 1,850 ล้านบาท บ้านหรูซีรีส์ใหม่ MODERN COLONNADE STYLE ครบครันพร้อม “LIVING SOLUTIONS” นวัตกรรมใหม่ ที่รู้ใจผู้อยู่อาศัยมากยิ่งขึ้น บนเนื้อที่โครงการกว่า 32 ไร่ จำนวน 61 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 391-516 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 23-35 ล้านบาท นายอรรถพล กล่าวสรุปว่า “ในปี 2567 นี้ SC จะมีโครงการเพื่อขายรวมทั้งสิ้น 86 โครงการ มูลค่ารวม 91,000 ลบ. ในสัดส่วนแนวราบ 65% และ แนวสูง 35% โดยมั่นใจว่าจะทำสำเร็จได้ตามเป้าหมายยอดขาย และ รายได้ ของปีนี้” (หมายเหตุ *เป็นจำนวนเงินปันผลยอดรวมประจำปี 2566 ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท และจะเสนอต่อที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นให้อนุมัติจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการประจำปี 2566 เพิ่มเติมอีกในอัตราหุ้นละ 0.16 บาท)

MQDC มั่นใจศักยภาพทำเลสามย่าน พระราม 4 เผย “Whizdom Craftz Samyan” มีลูกค้ารอซื้อแล้ว 100 ยูนิต

“Whizdom Craftz Samyan” โดย MQDC สร้างความตื่นเต้นให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยอีกครั้ง ด้วยการจับมือเป็นพันธมิตรธุรกิจกับ Knightsbridge Partners เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าในต่างประเทศ มั่นใจศักยภาพสุดยอดทำเลใจกลาง ”สามย่าน พระราม 4” เหมาคอนโด 100 ยูนิต นำเสนอให้ลูกค้าต่างชาติคิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาท นายอัษฎา แก้วเขียว ประธานเจ้าหน้าที่ประสบการณ์ลูกค้า MQDC กล่าวว่า สำหรับแบรนด์ Whizdom Craftz Samyan เป็นแบรนด์ที่แตกออกมาจากแบรนด์ใหญ่ Whizdom ที่มีความแตกต่างด้านดีไซน์และจุดขายอย่างชัดเจนในแบบของ “ความคราฟต์” ในทุกรายละเอียด ทั้งการออกแบบ การเลือกทำเลที่มีความต้องการพักอาศัยสูง ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านสำคัญ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อยู่ในทำเลแหล่งรวมสถาบันการศึกษา ออฟฟิศ และสถาบันการแพทย์ขนาดใหญ่ ติดอันดับท็อปของไทยและเป็นที่สนใจของต่างชาติ จึงเป็นแหล่งรวมบุคลากรระดับคุณภาพจากทั่วทุกมุมโลก Whizdom Craftz Samyan (วิสซ์ดอม คราฟท์ สามย่าน) คอนโด Freehold ตั้งอยู่บนทำเลทองใจกลางสามย่าน ถนนพระราม 4 ด้วยแนวคิด “Craftz Your Future” ที่มุ่งเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ด้วยดีไซน์ที่แตกต่างอย่างมีเอกลักษณ์ พร้อมทำเลที่รวมสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิต ตั้งบนที่ดินที่นับวันจะหายากที่สุดแห่งหนึ่งในการพัฒนาอสังหาฯ ของกรุงเทพฯ จึงมีศักยภาพในการเติบโตสูง เหมาะสำหรับผู้ที่เล็งเห็นโอกาสในการลงทุน ทำให้บริษัท ไนท์สบริดจ์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด ผู้เชี่ยวชาญในการขายอสังหาฯ ในประเทศไทยให้กับลูกค้าชาวต่างชาติ มีความมั่นใจในโอกาสการขายต่อกลุ่มลูกค้าต่างชาติ จึงได้จองคอนโดจำนวนมากถึง 100 ยูนิต คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,700 ล้านบาท ”นายอัษฎากล่าว นายคิงสตัน ไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนท์สบริดจ์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายคอนโดในตลาดต่างประเทศ กล่าวว่า ความโดดเด่นของ Whizdom Craftz Samyan ทำให้มั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่มีความสนใจทั้งการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน จากการวิจัยตลาดเราพบว่า จุดเด่นของโครงการตรงกับความต้องการของลูกค้าที่ต้องการพื้นที่ที่รวมศูนย์กลางของความสะดวกในการอยู่อาศัยและการเดินทางออกจากพื้นที่ศูนย์รวม Transportation Hub สามารถใช้บริการรถสาธารณะบนถนนและรถไฟฟ้าใต้ดิน เชื่อมต่อสู่ถนนธุรกิจหลักของกรุงเทพฯ คือถนนสีลม ถนนสุขุมวิท ถนนสาทร ได้ภายใน 15-20 นาที ขณะเดียวกันสำหรับลูกค้าที่ต้องการอยู่อาศัยในคอนโดเสมือนบ้านหลังที่สองในประเทศไทย ตลอดจนมองหาโอกาสในการย้ายถิ่นมาพักแบบถาวร สามย่านเป็นทำเลที่ตอบโจทย์ทั้งการอยู่อาศัย การทำงานติดต่อธุรกิจ การเดินทางท่องเที่ยว เป็นพื้นที่ที่มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย และดึงดูดผู้คน ผสมผสานทั้งความคลาสสิคและความร่วมสมัยสดใสของประชากรหลากหลายเจเนอเรชันไว้ด้วยกัน ที่สำคัญมีความสมบูรณ์ของพื้นที่แบบครบครันและครบวงจร ทั้งแหล่งช้อปปิ้งแบบดั้งเดิม ร้านอาหาร สตรีตฟู้ด ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลชั้นนำ “ส่วนของฟังก์ชันในการออกแบบพื้นที่ใช้สอยและพื้นที่ส่วนกลางก็มีความพิถีพิถัน รองรับไลฟ์สไตล์ Work from Anywhere มี Co-working Space ที่กว้างขวาง พร้อมพื้นที่สำหรับประชุมธุรกิจ ท่ามกลางบรรยากาศอันผ่อนคลาย มีพื้นที่ระเบียงกว้างขวางเพื่อชมวิวเมืองได้อย่างเต็มตา รวมถึงสระว่ายน้ำสำหรับออกกำลังกายที่เชื่อมต่อกับโซนพื้นที่สีเขียวกว่า 2,000 ตารางเมตร ผู้อยู่อาศัยสามารถสัมผัสธรรมชาติใจกลางเมืองในทุก ๆ วัน นอกจากนี้ยังนำนวัตกรรมทันสมัยมาบริการในแบบสมาร์ตลิฟวิ่ง อาทิ Air Quality เพื่อคุณภาพอากาศที่ดีต่อการใช้ชีวิต มีระบบดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง อีกทั้งมีการใช้ Big Data ในการบริหารจัดการพื้นที่ จึงเป็นโครงการที่มีมาตรฐานระดับโลกและยังมีราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้เมื่อเทียบกับเรทราคาคอนโดที่เปิดขายในประเทศอื่น ๆ ที่ทางบริษัททำตลาดอยู่ อาทิ ฮ่องกง มาเลเซีย สหราชอาณาจักร ซึ่งเมื่อเราได้พิจารณาองค์ประกอบทางการตลาดทั้งหมดทำให้เรามีความมั่นใจมองเห็นโอกาสการขายยูนิตจำนวนมากให้กับลูกค้าที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ ที่กำลังมองหาโอกาสในการลงทุนคอนโดชั้นดีในกรุงเทพฯ หรือ ที่กำลังเล็งเห็นโอกาสและ มองหาที่พำนักถาวรเสมือนบ้านหลังที่สอง” นายคิงสตัน ไล กล่าว Whizdom Craftz Samyan เป็นคอนโดมิเนียมสูง 55 ชั้น สูงสุดในทำเลสามย่าน บนทำเลศักยภาพติดถนนพระราม 4 ใกล้ MRT สามย่าน ราคาเริ่มต้นที่ 7.99 ล้านบาท สามารถลงทะเบียนเยี่ยมชมห้องตัวอย่างล่วงหน้าได้ที่ https://mqdc.link/4654TO5 หรือ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 1265

แสนสิริ ปักหมุด “โซนทองหล่อภูเก็ต” เตรียมพัฒนาโครงการใหม่บนทำเลบางเทา–เชิงทะเล

เปิดเผยแล้ว!! พิกัดทำเลพัฒนาโครงการของแสนสิริ ในย่านบางเทา–เชิงทะเล ซึ่งนับเป็นโซนทองหล่อ ภูเก็ต จากการเป็นทำเลยอดนิยมของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ มีชายหาดที่สวยงามและเป็นหาดที่ยาวเป็นอันดับสองในภูเก็ต รวมทั้งยังมีความโดดเด่นในการเดินทางเชื่อมทำเลอื่น ๆ ของภูเก็ตได้สะดวก ตอกย้ำความแข็งแกร่ง 40 ปีแห่งความสำเร็จของแสนสิริ ที่จะเดินหน้าต่อด้วยแนวคิด Resilient Growth หรือยืนหยัด ยั่งยืน มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจและเดินหน้าเติบโตต่อไปอย่างแข็งแกร่งควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญกับสังคมและการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสนสิริเชื่อว่าเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความยั่งยืนในอนาคต โดยเฉพาะ “ภูเก็ต” ซึ่งเป็น Strategic Location ของแสนสิริ จากศักยภาพของภูเก็ตในการเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกและเป็นจังหวัดที่สำคัญทางด้านเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศไทย หรือ World Class Tourist Destination ที่มีแนวโน้มเติบโตสูงจากการท่องเที่ยวและแผนการพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์จากภาครัฐ แสนสิริเป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้บุกเบิกตลาดที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมาอย่างยาวนาน และได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดภูเก็ตมากว่า 15 ปี ผ่านโครงการแนวราบและแนวสูงรวม 21 โครงการ มูลค่าการลงทุนสะสม 21,000 ล้านบาท สามารถตอบโจทย์ได้ทุกกลุ่มลูกค้า ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในทุกโปรดักต์ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ทุกทำเลในภูเก็ต ซึ่งนอกจากการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แล้ว แสนสิริยังมีความมุ่งมั่นตามแนวคิดการเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนอย่างยั่งยืน โดยนำเอกลักษณ์และวัฒนธรรมท้องถิ่นต่าง ๆ มาผสานในการออกแบบโครงการ รวมถึงมุ่งมั่นร่วมสืบสานประเพณีสำคัญระดับโลกอย่างประเพณีถือศีลกินผักซึ่งนับเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภูเก็ตต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 ตลอดจนส่งเสริมเยาวชนในพื้นที่ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพผ่านโครงการ Sansiri Academy ที่ได้ร่วมส่งเสริมสร้างทักษะการเล่นฟุตบอลให้กับเด็ก และเยาวชนในพื้นที่กว่า 5,000 คน เพื่อให้น้อง ๆ เยาวชนได้ใช้เวลาให้เป็นประโยชน์จากการเล่นกีฬา และพัฒนาทักษะกีฬาฟุตบอลและฝึกซ้อมที่ถูกต้อง สามารถพัฒนาเป็นนักเตะมืออาชีพได้ในอนาคต ที่ผ่านมาได้มีการจัดกิจกรรมสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กที่ภูเก็ต โดยการพาอดีตนักฟุตบอลทีมชาติไปร่วมลงพื้นที่ถ่ายทอดประสบการณ์ให้เด็ก ๆ อย่างต่อเนื่องในทุกปี สำหรับแผนธุรกิจของแสนสิริที่ภูเก็ตในปีนี้ วางเป้าหมายพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่ตอบรับได้ทุกความต้องการของกลุ่มลูกค้าในภูเก็ตได้อย่างครอบคลุม ตั้งแต่ราคาเริ่มต้น 1.79-50 ล้านบาท พร้อมบริการ หรือ Sansiri Service รูปแบบใหม่ ที่มุ่งดูแลครอบครัวแสนสิริตลอดการอยู่อาศัย เพื่อสร้างความอุ่นใจ ปลอดภัย และสะดวกสบายในการอยู่อาศัยในโครงการแสนสิริ โดยล่าสุด บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (บริษัทในเครือของแสนสิริที่ดูแลบริการหลังการขาย) ได้ขยายธุรกิจใหม่ Villa Management นำร่องที่จังหวัดภูเก็ต ครอบคลุมบริการ Property Care Elite ดูแลทรัพย์สินแบบครบวงจร นอกจากนี้ยังมี Property Care On Demand ที่ลูกค้าสามารถเลือกใช้บริการตามความต้องการอีกด้วย แผนธุรกิจของแสนสิริ ไม่เฉพาะการพัฒนาโครงการในภูเก็ต แต่ยังเดินหน้าภายใต้การยืนยันเจตนารมย์แนวทางการพัฒนาโครงการในภูเก็ตที่ต้องควบคู่การเดินหน้าดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างเต็มที่ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนควบคู่ภูเก็ต อาทิ บ้านนวัตกรรมสีเขียว ที่ประหยัดพลังงานได้, Construction Waste หรือการบริหารจัดการขยะในไซต์งานก่อสร้างให้มีน้อยที่สุดและนำกลับมาไปใช้ใหม่ได้อีกครั้งหรือใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า, การสร้างสังคมที่ยั่งยืนในภูเก็ต รวมทั้ง Sansiri Academy โครงการเสริมสร้างทักษะการเล่นฟุตบอลให้กับเด็กและเยาวชนที่เตรียมทำต่อเนื่อง โดยรายละเอียดโครงการใหม่ในภูเก็ตของแสนสิริเตรียมเปิดเผยต่อไป

🎁 LivingPlus+ LivingPoint ดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อรับคะแนน แลกของรางวัลได้เลยฟรี ๆ สำหรับสมาชิกของ Livinginsider รับคะแนนพิเศษเลย

แอปพลิเคชัน LivingPlus+ แอปพลิเคชันใหม่จาก Livinginsider ที่จะทำการปล่อยเช่า การชำระค่าเช่า ง่าย สะดวกสบายมากขึ้น เหมาะกับนายหน้า เจ้าของ เเละผู้เช่า เปรียบเสมือนเลขาที่คอยช่วยเก็บค่าเช่า ช่วยบันทึกเเละติดตาม เเละยังเป็นตัวกลางในการจ่ายค่าเช่าได้อีกด้วย เเถมยิ่งใช้ยิ่งได้คะเเนนสะสมเก็บมาเเลกสินค้าบริการ หรือร่วมลุ้นของรางวัลประจำเดือน บอกเลยคุ้มสุดๆ เช็คคะแนนกันได้เลย LivingPlus+ LivingPoint สำหรับสมาชิกของ Livinginsider รับคะแนนพิเศษ ไปแลกของรางวัลกันได้ฟรีๆเลย ดาวน์โหลดแอปฯ เพื่อเช็คคะแนนของคุณได้เลย นอกจากนั้นยังมี สุดยอดฟีเจอร์ ที่จะทำให้คุณสะสมคะแนนจากการปล่อยเช่าได้ด้วย 📲 ดาวน์โหลดคลิก : https://bitly.ws/YtoD ฟีเจอร์เด็ดๆ สำหรับนายหน้า นี่คือแอปพลิเคชันเเรกในประเทศไทย ที่จะทำให้คุณได้ Passive Point Income สร้างคะแนนสะสมเพื่อแลกของรางวัลได้ฟรีไม่มีขีดจำกัด นอกจากนี้ยังเป็นผู้ช่วยดูเเลเรื่องการชำระค่าเช่าให้คุณอีกด้วยต่อไม่นี้คุณไม่ต้องปวดหัวในการตามค่าเช่าอีกต่อไป เเละที่สำคัญแอปนี้ยังไม่มีค่าบริการสามารใช้งานได้ทันที ฟีเจอร์เด็ดๆ สำหรับเจ้าของ LivingPlus+ เป็นเสมือนเลขาที่คอยช่วยเก็บค่าเช่าเเละดูเเลผู้เช่าให้เรา สามารถบันทึก ติดตาม รับชำระค่าเช่าได้ แถมทุกครั้งที่ผู้เช่าจ่ายค่าเช่าตรงเวลา จะได้รับคะเเนนสะสมทันที ซึ่งเอามาเเลกสินค้าหรือบริการได้ฟรี !